****** เพราะสมัยสิบกว่าปีก่อนมันเคยติด 1 ใน 10 หนังสยองขวัญน่ากลัวที่สุดของทวีปเอเชียมาเเล้ว! ชื่อของมันคือ : Cure / 1997 😊
****** เพราะสมัยสิบกว่าปีก่อนมันเคยติด 1 ใน 10 หนังสยองขวัญน่ากลัวที่สุดของทวีปเอเชียมาเเล้ว! ชื่อของมันคือ : Cure / 1997 😊
ผมเคยเขียนรีวิวหนังเรื่องนี้ไว้
Cure / 1997 เเต่บังเอิญข้อมูลในไฟล์เอกสารของคอมฯเครื่องเก่าพัง
เลยโดนลบทิ้งไป เมื่อวานไปแอบเห็นคุณ Inertiatic Groovfie Viaquez
คุณเพื่อนในเฟสฯส่วนตัวรีวิวถึงเจ้า Cure เอาไว้อย่างน่าสนใจ
อ่านเเล้วโดนใจ
เลยขอขโมยรีวิวเอามาลงให้ท่านสมาชิกเพจได้อ่านกันสักเล็กน้อยก่อนหางานต้นฉบับของมันมารับชม....
(*ตรงส่วนนี้เป็นงานเขียนโดยคุณ : Inertiatic Groovfie Viaquez)
Cure (1997 / Kiyoshi Kurosawa)
(Japan)
เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ **** และพยายามเขียนระบายออกมาให้ได้มากที่สุด ไม่มีแบบแผน มั่วสัส
น่าสะพรึงสัส จนไม่หลงเหลือความไว้ใจอะไรต่อหนังอีกต่อไปแล้ว
ฉากเปิดตัวฆาตกรบนหาดทรายริมทะเล ตอนแรกคิดว่าเป็นตำรวจพระเอก ก็แหม แต่งตัวคล้ายกันเหลือเกิน
คุณเป็นใคร?
บอกชื่อ-ตำแหน่งไป.
คุณเป็นใคร?
อ้าว ของขึ้นตามตำรวจ ถามซ้ำกวนตีนเหรอ
-
คุณเป็นใคร?
ผม ฟูจิวาระ จากสำนักงานตำรวจ...
คุณเป็นใคร?
//หันไปถามคนอื่น หมอนี่เป็นอะไรเนี่ย?
ผมจะถามอีกครั้งนะ คุณฟูจิวาระ จากสำนักงาน คุณเป็นใคร?
อ้าว ตกลงที่มึงถามๆ มาตั้งแต่ต้นเรื่อง คือไม่ได้ถามชื่อสินะ และเพราะตอบไม่ตรงคำถาม ถึงได้ถามซ้ำคำถามเดิม
ชอบหนังตรงที่ การจะบอกว่าคนเราแม่งไม่มีมาตรฐานอะไรให้ยึดเป็นหลักเดียวเหมือนๆ กันหมดหรอก
-เรื่องส่วนตัวบางเรื่องของพระเอก
ฆาตกรก็ดันรู้อีก เพราะอะไร
หรือว่าเพราะการรับรู้ถึงมวลสารจากร่างคนอื่นเหมือนที่เคยพูดเอาไว้
...เปล่าเลยเพราะเพื่อนร่วมงานพระเอกแม่งพูดให้ฆาตกรฟังต่างหาก
-ภาพชีวิตคู่ของพระเอกกับภรรยา
เหมือนพระเอกพยายามเต็มที่ที่จะประคองชีวิตคู่ต่อไปแม้ภรรยาจะป่วย
แต่ความจริงมันคือการต้องทนอยู่ ลึกๆ
ในใจพระเอกอาจอยากกำจัดภรรยาตัวเองไปให้พ้นๆ
จากชีวิตที่มีหน้าที่ตำรวจเครียดเป็นหลักอยู่แล้วก็เป็นได้ (กินข้าวไม่หมด /
กินข้าวหมดเกลี้ยง)
-จิตแพทย์ที่ดูออกว่า
คนอย่างพระเอกนี่แหละจะถูกฆาตกรจูงจมูกได้ง่าย
แต่แล้วก็กลายเป็นตัวจิตแพทย์เองนี่แหละที่ถูกฆาตกรจูงติดง่ายยิ่งกว่าพระเอกเสียอีก
-ฆาตกรที่คิดว่าพระเอกคือคนที่ไม่ปกติเหมือนกับตนเอง
จึงได้มาพบกันในที่แบบนี้แบบที่ฆาตกรหวังไว้ แต่เปล่าเลย
พระเอกมาเพื่อจบปัญหา ชนิดที่ว่า มึงจะพูดอะไรก็พูดไปเหอะไอฆาตกร
อีกเดี๋ยวมึงก็จะไม่ได้พูดละ เพราะกูจะยิงมึงทิ้งนี่แหละ
ไม่ฆ่าทิ้งเดี๋ยวทางรัฐก็๋โอบอุ้มมึงอยู่ในคุกอีก
เหวอแดกกับการตัดปัญหาของพระเอกต่อตัวร้ายมากๆ แล้วก็ตลกร้ายมากตรงที่
ตลอดทั้งเรื่อง ฆาตกรมีสภาพจิตใจเหมือนป่วยความจำเสื่อมจริง ๆ
แต่พอโดนยิงเข้าไปหลายนัด พระเอกถามจำเรื่องตัวเองได้ ฆาตกรบอกจำได้ละ ...
-สำหรับฉากจบ
พริบตาแรกที่เอนเครดิตขึ้น คำแรกที่หลุดออกมาคือ ห่าอะไรวะ
แต่พอมาตรึกตรองดู เอาความไม่มีมารตฐานจำกัดความเป็นมนุษย์มาขีดเส้นไว้
แล้ววางสังคมแบบญี่ปุ่นทับลงไป
มันคงเป็นความวิปริตที่ถูกระบายออกจากความเครียดที่กดดันจนระเบิดออกมาแบบที่เด็กเสิร์ฟคนนั้นทำ
จริงๆ เพื่อนร่วมงานอาจเดินมากระซิบข้างหูเด็กเสิรฟคนนี้ว่า "นี่ๆ
แฟนเธอ(พ่อครัว)กำลังจู๋จี๊กับเด็กฝึกงานอยู่" หรือ "นี่ๆ
ลูกค้าโต๊ะโน้นนินทารูปร่างเธอว่า...."
จึงเกิดภาพเด็กเสิร์ฟคว้ามีดแล้วหนังก็ตัดจบไป
แต่ที่อยู่เหนือความเข้าใจทั้งหมดทั้งมวลจริงๆ
ในหนังก็คือตัวภรรยาของพระเอกนี่แหละ จากฉากแรก ที่่นั่งกันเงียบๆ อยู่ๆ
แก้วก็สั่นจนเผลอนึกถึงฉากแก้วสั่นใน Stalker (1979) ขึ้นมา
แก้วสั่นที่ไม่มีเหตุผล จนมาท้ายเรื่อง ก็อดคิดไม่ได้ว่า
หรือว่าภรรยาพระเอกจะเป็นคนมีพลังพิเศษกันแน่ การเปิดเครื่องซักผ้าเปล่าๆ
ทิ้งไว้คือการใช้เสียงอะไรก็ตามขจัดความเงียบจนพลังของตัวภรรยาไม่ปะทุออกมา
พอท้ายเรื่องโรงพยาบาลที่พักพิงสั่นสะเทือนไปทั้งหลัง
อาจเป็นผลมาจากภรรยาที่ไม่สามารถควบคุมพลังตัวเองได้
ไม่มีเสียงอะไรขจัดความเงียบ
และสุดท้ายก็อาจเป็นพลังที่ปะทุของภรรยาเกินขีดจำกัดจนคร่าชีวิตเธอกลายเป็นศพบนเตียงในโรงพยาบาลที่เห็นอยู่ลิบๆ
โน้น
(*ตรงส่วนนี้เป็นงานเขียนโดยคุณ : Inertiatic Groovfie Viaquez)
สำหรับแอดมินซามาร่า หลังดูจบ หนังดีมากๆ ลุ่มลึก และหลอนชวนหวาดผวา ให้ 10 / 10 คะเเนนจ้าาาา
#แอดมินซามาร่า 😊

ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น